MY SONY MY VAIO

MY SONY MY VAIO ยินดีต้อนรับเครื่องมือทำมาหากินตัวใหม่นามว่า “สตางค์” เป็นโน๊ตบุ๊คตัวล่าสุดที่เพิ่งจัดมาสดๆ ร้อนๆ เอง เจ้าสตางค์เป็นโน๊ตบุ๊คตัวที่ 5 แล้วสำหรับชีวิตการทำงาน ถ้าจะให้เรียงก็ต้องเริ่มจาก ถุงเิงิน (Acer), ทองคำ(Toshiba), แท่งทอง(Lenovo), เจ้าแม็ก(Apple-Macbook Air) และก็มาถึง “สตางค์” Sony-Vaio พระเอกของเราวันนี้

จริงๆ แล้วผมเองไม่คิดอยากจะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คตัวเดิมที่ใช้อยู่ เพราะเจ้าแท่งทอง (Lenovo) โน๊ตบุ๊ต 17 นิ้ว มันซื่อสัตย์ใช้งานได้ดีมาตลอด เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่ซื้อมาสามปีกว่าไม่เคย Format มันเลย หน้าจอก็ใหญ่มากชัดๆ กันเลย แต่ด้วยหน้าจอที่ใหญ่นี่แหละทำให้น้ำหนักตัวก็หนักมากเกือบ 4 กิโลเลย และนี่ก็เป็นสาเหตุที่อยากได้เครื่องใหม่ ง่ายๆ คือ ตัวเองเริ่มแก่..แบกโน๊ตบุ๊คตัวใหญ่ๆ ไม่ไหวแล้วจ้าาา อิอิ

แนะนำตัวอย่างเป็นทางการกันหน่อย Sony VAIO® Pro 13 Ultrabook (Touch Screen) สเปคชิวๆ ตามนี้

• CPU : Intel® Core™ i5-4200U Processor 1.60 GHz with Turbo Boost up ด้วย CPU i5 ถือว่าเร็วและแรงเลยทีเดียว ด้วยการบูตเข้าวินโดว์อยู่ที่ 9.1 วินาที และบูตจาก Speed Mode อยู่ที่ 1.9 วินาทีแค่นั้นเอง
• หน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ความละเอียดระดับ Full HD ด้วยเทคโนโลยี TRILUMINOS DISPLAY  มาพร้อมกับฟีเจอร์ทัชสกรีนที่ใช้งานได้ดีกับ Windows8
• หน่วยความจำ (RAM) 4 GB แรมแค่นี้ถือว่าเพียงพอสำหรับการทำงานแล้ว แต่ถ้าเล่นเกมส์ก็ว่ากันอีกเรื่องนะจ๊ะ
• Harddisk สำหรับเก็บข้อมูลแบบ Flash Memory (SSD – Solid State Drive) 128 GB ถือว่าเก็บข้อมูลได้หน่อยมาก แต่ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลนั้นดีเยี่ยมเลย แนะนำให้ใช้ External HD เก็บข้อมูลต่างหาก
• พอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.0, พอร์ตรองรับ HDMI
• รองรับ SD Card Reader, รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 4.0
• ระบบเสียง ClearAudio+, S-FORCE Front Surround 3D
• คีย์บอร์ดแบบ Backlit
• แบตเตอรี่แบบ 4 Cells ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 17 ชั่วโมง
  ทำไม? ถึงเลือก Sony Vaio น่ะเหรอ บอกตามตรงเลยผมเองไม่ชอบโน๊ตบุ๊กแบรนด์นี้เลย หนึ่ง คือ มันแพงมากราคาไม่น่าจะคุ้มเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ  และสองโน๊ตบุ๊ค Sony ค่อนข้างจุกจิ๊กมากกกก แต่สิ่งที่โดดเด่นคือ “ดีไซน์” เรื่องดีไซน์นี้เองที่ชอบมาก บาง เบา(1.06 กิโล เบาที่สุด ณ ตอนนี้แล้ว) เร็ว พกพาสะดวก และยิ่งได้ลองใช้งานดูแล้ว Sony พัฒนาในเรื่องของ User Friendly ให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น ส่วนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่เมื่อก่อนว่ายาก ณ ตอนนี้เชื่อมต่อได้ง่ายในทุกอุปกรณ์เลยทีเดียว สรุปสั้นๆ “ชอบ..ก็เลยจัดครับ”